เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ คืออะไร?
เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel Tube) คือเหล็กกล่องที่ถูกชุบด้วยสังกะสี (Galvanization) ในช่วงอุณหภูมิ 435 ถึง 455 องศาเซลเซียส เพื่อเพิ่มคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อนและกันสนิม ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของเหล็กกล่องในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน โดยทั่วไปแล้ว เหล็กกล่องกัลวาไนซ์จะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีความหนาและขนาดที่หลากหลายตามความต้องการใช้งาน
คุณสมบัติของเหล็กกล่องกัลวาไนซ์
1. ความทนทานต่อการกัดกร่อน: ชั้นสังกะสีที่เคลือบอยู่บนผิวเหล็ก ช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ ทำให้เหล็กกล่องกัลวาไนซ์จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเหล็กทั่วไป
2. ความแข็งแรง: เหล็กกล่องกัลวาไนซ์นับว่ามีความแข็งแรงสูง สามารถรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงในระดับสูง เช่น งานโครงสร้างหลังคา รั้ว และสิ่งก่อสร้างอาคารภายนอก
3. ความสวยงาม: เหล็กกล่องกัลวาไนซ์มีผิวเรียบสม่ำเสมอ ทำให้มีความสวยงามและเหมาะสำหรับใช้ในงานตกแต่งภายนอก เช่น ราวระเบียง ราวบันได และโครงสร้างสวน เป็นต้น
ประเภทของเหล็กกล่องกัลวาไนซ์ที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน
1. เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ ผิว GI
ผิว GI (Galvanized Iron) เป็นเหล็กที่ผ่านการเคลือบด้วยสังกะสี (Zinc) โดยมีการผลิตภายใต้มาตรฐาน มีใบรับรอง และตรารับรองมาตรฐานระบุไว้ข้างเหล็ก ส่งผลให้มีลักษณะความเงาและมันวาว เหมาะสำหรับใช้ในงานโครงสร้างทั่วไปที่ต้องการโชว์ความสวยงามของผิวเหล็ก เช่น งานเฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้างบ้านทั่ว ๆ ไป และงานที่ไม่ต้องการการป้องกันการกัดกร่อนที่รุนแรง
2. เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ ผิว GA
ผิว GA (Galvanized Alloy) เป็นเหล็กที่มีการเคลือบด้วยสังกะสีเช่นเดียวกับผิว GI แต่ไม่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ทำให้มีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะพื้นผิวที่ไม่มีความมันเงา ส่งผลให้สามารถทาสีได้ง่ายและติดได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับใช้ในงานที่ไม่เน้นความสวยงามมากนัก แต่ต้องการความทนทานและการป้องกันสนิม เช่น งานโครงสร้างหลังคา และงานก่อสร้างอาคาร เป็นต้น
3. เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ ผิว MAZ
ผิว MAZ (Magnesium-Aluminum-Zinc) เป็นเหล็กที่มีการเคลือบด้วยโลหะผสมระหว่างแมกนีเซียม อลูมิเนียม และสังกะสี ช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันการกัดกร่อนที่เหนือกว่าเดิม และด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่านี้จึงทำให้เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ผิว MAZ จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แถมยังมีลักษณะพื้นผิวที่สวยงามและมีความเรียบสม่ำเสมอ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง และต้องการความสวยงามควบคู่ไปด้วย
เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ ต่างกับเหล็กธรรมดาทั่วไปอย่างไร?
1. กระบวนการผลิต
- เหล็กกล่องทั่วไป
เหล็กกล่องทั่วไปมักผลิตจากการหล่อหรือรีดเหล็กในรูปแบบต่าง ๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการเคลือบหรือชุบใด ๆ ทำให้เหล็กกล่องทั่วไปจะมีลักษณะพื้นผิวที่เรียบและแข็งแรง แต่เนื่องจากไม่มีการเคลือบป้องกัน จึงอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดสนิมได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับความชื้นหรือสารเคมีในอากาศ และด้วยความที่ไม่ต้องใช้กระบวนการเพิ่มเติมในการเคลือบป้องกัน ต้นทุนการผลิตเหล็กกล่องจึงถือว่าต่ำกว่าการผลิตเหล็กกล่องกัลวาไนซ์อยู่พอสมควร
- เหล็กกล่องกัลวาไนซ์
เหล็กกล่องกัลวาไนซ์จำต้องผ่านกระบวนการชุบสังกะสี เพื่อเสริมคุณสมบัติในการป้องกันสนิมและการกัดกร่อน โดยมีสองวิธีหลัก ๆ ได้แก่
การจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanization): การผลิตเหล็กกล่องกัลวาไนซ์ในกระบวนการนี้ เหล็กกล่องจะถูกจุ่มลงในถังที่มีสังกะสีหลอมเหลว อุณหภูมิสูง ซึ่งจะทำให้เกิดการเคลือบสังกะสีที่หนาและทนทานบนพื้นผิวเหล็ก ช่วยให้เหล็กกล่องกัลวาไนซ์มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิมได้ดี
การเคลือบด้วยไฟฟ้า (Electro-Galvanization): การผลิตเหล็กกล่องกัลวาไนซ์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการเคลือบสังกะสีลงบนเหล็กกล่อง ทำให้ได้ซึ่งชั้นสังกะสีที่บางกว่า แต่มีความเรียบและสวยงาม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงามมากขึ้น
2. คุณสมบัติการป้องกันสนิม
- เหล็กกล่องทั่วไป
เหล็กกล่องธรรมดาไม่มีการเคลือบป้องกันเหมือนเหล็กกล่องกัลวาไนซ์ ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดสนิมเมื่อสัมผัสกับน้ำหรือความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงหรือในพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมี อีกทั้งการเกิดสนิมไม่เพียงแต่จะทำให้วัสดุเสื่อมสภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้างได้
- เหล็กกล่องกัลวาไนซ์
ชั้นสังกะสีเคลือบอยู่ ทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำและอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นและสารเคมีได้ดี นอกจากนี้ หากมีการขีดข่วนหรือทำลายชั้นสังกะสี ชั้นเหล็กด้านล่างจะยังคงได้รับการปกป้องจากการเกิดสนิม เนื่องจากสังกะสีมีคุณสมบัติในการปกป้องเหล็กอีกด้วย
3. ความทนทานและอายุการใช้งาน
- เหล็กกล่องทั่วไป
เหล็กกล่องธรรมดามีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าเหล็กกล่องกัลวาไนซ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนที่สูง หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การทาสีหรือการเคลือบป้องกัน การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีจะทำให้เหล็กกล่องธรรมดาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- เหล็กกล่องกัลวาไนซ์
มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพราะได้รับการเคลือบด้วยสังกะสี สำหรับช่วยป้องกันการกัดกร่อนและสนิม ทำให้สามารถใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือในพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีได้อย่างมั่นใจ อาจมีอายุการใช้งานถึง 20 ถึง 50 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการดูแลรักษา
4. ราคา
- เหล็กกล่องทั่วไป
เหล็กกล่องธรรมดามักมีราคาถูก เพราะเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย อีกทั้งยังไม่ต้องผ่านกระบวนการเคลือบหรือชุบใด ๆ ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าเหล็กกล่องกัลวาไนซ์ เหมาะสำหรับใช้ในงานที่มีงบประมาณจำกัด และไม่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง
- เหล็กกล่องกัลวาไนซ์
ราคาสูงกว่าเหล็กทั่วไป เนื่องจากต้องใช้กระบวนการชุบสังกะสี ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเหล็กกล่องกัลวาไนซ์นับว่ามีความคุ้มค่าในระยะยาว เพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และไม่ต้องบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนวัสดุบ่อย ๆ
5. การใช้งาน
- เหล็กกล่องทั่วไป
เหล็กกล่องธรรมดามักใช้ในงานที่ไม่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนมากนัก เช่น งานโครงสร้างภายในอาคาร อย่างเสา คาน และโครงสร้างที่อยู่ในพื้นที่แห้งหรือมีการควบคุมสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดี
- เหล็กกล่องกัลวาไนซ์
เหมาะสำหรับงานโครงสร้างภายนอก เช่น รั้ว อาคารที่ต้องการโชว์ผิววัสดุ และงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพอากาศและการกัดกร่อน อาทิ โครงสร้างในอุตสาหกรรมการเกษตร การก่อสร้างในพื้นที่ชายฝั่ง หรือในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้สารเคมี เป็นต้น
ข้อดี
- ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม: มีชั้นสังกะสีเคลือบอยู่ ซึ่งช่วยป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำ อากาศ และสารเคมี ทำให้สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือมีการใช้สารเคมี โดยไม่เกิดสนิมหรือเสื่อมสภาพง่าย
- มีความแข็งแรงในระดับสูง: มีความแข็งแรงสูง สามารถรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับใช้ในงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรง เช่น โครงสร้างอาคาร สะพาน และรั้ว
- มีน้ำหนักเบา: เมื่อเปรียบเทียบเหล็กกล่องกัลวาไนซ์กับวัสดุอื่น ๆ ที่มีความแข็งแรงเท่ากัน เหล็กกล่องกัลวาไนซ์ถือว่ามีน้ำหนักที่เบากว่า ทำให้สะดวกในการขนส่งและติดตั้ง แถมยังช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนย้ายสินค้าด้วย
- ดูแลรักษาง่าย: เนื่องจากมีการชุบสังกะสี ทำให้ไม่ต้องดูแลรักษามากนักเมื่อเปรียบเทียบกับเหล็กทั่วไปที่ต้องมีการทาสีหรือเคลือบเพื่อป้องกันสนิม
- มีความสวยงาม: มีผิวเรียบสม่ำเสมอ ทำให้มีความสวยงามและเหมาะสำหรับงานตกแต่งภายนอก เช่น ราวระเบียง ราวบันได และโครงสร้างสวน
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าเหล็กกล่องธรรมดาทั่วไป: เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการชุบสังกะสี ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าเหล็กกล่องธรรมดา ส่งผลให้ราคาขายปลีกสูงขึ้นตามไปด้วย
- การตัดและเจาะยุ่งยาก: การตัดและเจาะเหล็กกล่องกัลวาไนซ์จะยุ่งยากกว่าเหล็กกล่องธรรมดา เนื่องจากชั้นสังกะสีที่เคลือบอยู่จะทำให้เกิดเศษโลหะและฝุ่นละอองมากขึ้น ต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและระมัดระวังในการตัดและเจาะ
- จะเชื่อมติดกันได้ยาก: การเชื่อมก็มีความยุ่งยากกว่าเหล็กกล่องธรรมดา เพราะชั้นสังกะสีจะทำให้เกิดควันพิษและเศษโลหะที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต้องใช้เทคนิคการเชื่อมที่เหมาะสมและมีความระมัดระวังสูง
- การซ่อมแซม ยากกว่าวัสดุอื่น ๆ : หากชั้นสังกะสีของเหล็กกล่องกัลวาไนซ์ถูกทำลายหรือเสียหาย การซ่อมแซมจะยุ่งยากกว่าเหล็กกล่องธรรมดา เนื่องจากต้องมีการเตรียมพื้นผิวและการเคลือบสังกะสีใหม่ ต้องใช้ความชำนาญและอุปกรณ์เฉพาะ
- แปรรูปได้ยากกว่าวัสดุอื่น ๆ : มีความแข็งแกร่งมาก ทำให้การดัด งอ หรือแปรรูปให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ สามารถทำได้ยากกว่าเหล็กกล่องธรรมดาทั่วไป จำเป็นต้องใช้เครื่องมือและแรงงานที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ ซึ่งจะกระทบกับราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย
สรุป
เหล็กกล่องกัลวาไนซ์เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความทนทานต่อการกัดกร่อน ความแข็งแรง และการดูแลรักษาที่ง่าย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายประเภท ทั้งในงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม และงานตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคาร การเลือกใช้เหล็กกล่องกัลวาไนซ์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการวัสดุที่มีคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่จงพึ่งระลึกไว้เสมอว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อเหล็กกล่องกัลวาไนซ์หรือเหล็กกล่องธรรมทั่วไป ทุกท่านควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งาน สภาพแวดล้อม และงบประมาณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการก่อสร้างและใช้งาน ติดต่อ ร้านขายเหล็ก พรณรงค์ โลหะกิจ (Phornnarong Lohakit) เจ้าใหญ่ในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี
ขนาดของเหล็กกล่องแบนกัลวาไนซ์
เหล็กแป๊บแบนกัลวาไนซ์ GI (Galvanized Steel Tube)
GI 2″x1″x1.0มม.
GI 2″x1″x1.2มม.
GI 2″x1″x1.5มม.
GI 2″x1″x1.8มม.
GI 2″x1″x2.0มม.
GI 2″x1″x2.3มม.
GI 2″x1″x3.2มม.
.
GI 3″x1 1/2″x1.2มม.
GI 3″x1 1/2″x1.5มม.
GI 3″x1 1/2″x1.8มม.
GI 3″x1 1/2″x2.0มม.
GI 3″x1 1/2″x2.3มม.
GI 3″x1 1/2″x2.5มม.
GI 3″x1 1/2″x3.2มม.
.
GI 4″x2″x1.0มม.
GI 4″x2″x1.2มม.
GI 4″x2″x1.5มม.
GI 4″x2″x1.8มม.
GI 4″x2″x2.0มม.
GI 4″x2″x2.3มม.
GI 4″x2″x3.2มม.
.
GI 6″x2″x1.0มม.
GI 6″x2″x1.2มม.
GI 6″x2″x1.5มม.
GI 6″x2″x1.8มม.
GI 6″x2″x2.0มม.
GI 6″x2″x2.3มม.
GI 6″x2″x3.2มม.
.
GI 1/2″x1/2″x1.2มม.
GI 1/2″x1/2″x1.5มม.
GI 1/2″x1/2″x1.8มม.
.
GI 3/4″x3/4″x1.2มม.
GI 3/4″x3/4″x1.5มม.
.
GI 1″x1″x1.2มม.
GI 1″x1″x1.5มม.
GI 1″x1″x1.8มม.
GI 1″x1″x2.0มม.
GI 1″x1″x2.3มม.
GI 1″x1″x3.2มม.
.
GI 1-1/4″x1-1/4″x1.2มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x1.5มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x1.8มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x2.0มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x2.3มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x3.2มม.
.
GI 1-1/2″x1-1/2″x1.2มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″”x1.5มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x1.8มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x2.0มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x2.3มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x3.2มม.
.
GI 1/2″x1/2″x1.2มม.
GI 1/2″x1/2″x1.5มม.
GI 1/2″x1/2″x1.8มม.
.
GI 3/4″x3/4″x1.2มม.
GI 3/4″x3/4″x1.5มม.
.
GI 1″x1″x1.2มม.
GI 1″x1″x1.5มม.
GI 1″x1″x1.8มม.
GI 1″x1″x2.0มม.
GI 1″x1″x2.3มม.
GI 1″x1″x3.2มม.
.
GI 1-1/4″x1-1/4″x1.2มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x1.5มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x1.8มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x2.0มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x2.3มม.
GI 1-1/4″x1-1/4″x3.2มม.
.
GI 1-1/2″x1-1/2″x1.2มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″”x1.5มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x1.8มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x2.0มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x2.3มม.
GI 1-1/2″x1-1/2″x3.2มม.