
เช็คราคาเหล็กข้ออ้อยวันนี้
โทร. 02-287-4097 / 090-456-1183 (มือถือ)
Line : PNRLOHAKIT
การเลือกใช้เหล็กเส้นในการก่อสร้างอาคารมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้าง หากใช้เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานหรือเหล็กปลอม จะทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุ เช่น โครงสร้างทรุดตัว หรือพังทลาย โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การตรวจสอบคุณภาพเหล็กอย่างรอบคอบก่อนซื้อจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
1. มีเครื่องหมาย มอก. หรือไม่
เครื่องหมาย มอก. คือเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่รับรองว่าเหล็กได้ผ่านการทดสอบคุณภาพ โดยจะมีการระบุไว้ที่ใบรับรองคุณภาพเหล็ก และ ป้ายแท็กเหล็ก เหล็กที่ไม่มีเครื่องหมาย มอก. อาจมีขนาดหรือคุณสมบัติที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสามารถเสี่ยงต่อความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารได้
- เหล็กเส้น มอก. เหล็กเส้นกลม: มอก. 20-2559 และ เหล็กข้ออ้อย : มอก. 24-2559
- เหล็กที่ไม่มี มอก. อาจมีขนาด น้ำหนัก และคุณสมบัติไม่ตรงตามสเปกจริง เสี่ยงต่อการวิบัติของโครงสร้าง
ข้อควรสังเกต:
- ต้องมีเลข มอก. และปีที่ระบุชัดเจน
- หลีกเลี่ยงเหล็กที่มีเพียงสติกเกอร์ หรือระบุเพียง “ตามมาตรฐาน” แต่ไม่มี มอก.
2. ชื่อผู้ผลิตหรือเครื่องหมายการค้า (โลโก้) ต้องระบุชัดบนแท่งเหล็ก
เหล็กที่ได้มาตรฐานจะมีการ ประทับชื่อผู้ผลิต หรือ เครื่องหมายการค้า, ขนาดของเหล็ก, ชนิดของเหล็กเส้น , กระบวนการผลิตเหล็กเส้น และ กระบวนการผลิตเหล็กแท่ง บนตัวเหล็กอย่างถาวร เพื่อป้องกันการปลอมแปลง เหล็กที่ไม่มีการระบุชื่อผู้ผลิตหรือไม่ตรงกับเอกสารที่ได้รับอาจทำให้ไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและคุณภาพได้เสี่ยงต่อการได้เหล็กคุณภาพต่ำ
3. ตรวจสอบ “ขนาด – ความยาว – น้ำหนัก” ว่าตรงตามมาตรฐานหรือไม่
เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานมักจะ “ขนาดเล็ก” หรือ “น้ำหนักเบา” กว่าที่ระบุ ซึ่งอาจทำให้โครงสร้างอาคารไม่สามารถรับน้ำหนักได้ตามที่ออกแบบไว้ การตรวจสอบขนาดและน้ำหนักด้วยเครื่องมือ เช่น เครื่องชั่งน้ำหนักหรือเวอร์เนียร์ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเหล็กที่ใช้นั้นตรงตามมาตรฐาน
- เหล็กแท้ที่ได้ มอก. จะมีน้ำหนักต่อเมตรตรงตามตารางมาตรฐาน
- เหล็กปลอมมักลดน้ำหนักเพื่อประหยัดต้นทุน เช่น ระบุว่าเป็น 16 มม. แต่จริงๆ มีขนาดเพียง 14-15 มม.
- สามารถใช้ตลับเมตรวัดเส้นผ่านศูนย์กลาง และใช้เครื่องชั่งวัดน้ำหนักต่อเส้น เพื่อเทียบกับตารางมาตรฐานเหล็ก
เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบได้ง่าย:
- เครื่องชั่งน้ำหนักเหล็กเส้น
- เวอร์เนียร์หรือสไลด์คาลิปเปอร์สำหรับวัดเส้นผ่านศูนย์กลาง
- ใช้คู่มือ มอก. อ้างอิงน้ำหนักตามขนาด
ตารางน้ำหนักเหล็กเส้นตามมาตรฐาน มอก.
1. เหล็กเส้นกลม มอก. 20-2559
ขนาด (มม.) |
พื้นที่หน้าตัด (ตร.มม.) |
น้ำหนัก (กก./ม.) |
6 |
28.27 |
0.222 |
9 |
63.62 |
0.499 |
12 |
113.10 |
0.888 |
15 |
176.71 |
1.387 |
19 |
283.53 |
2.226 |
25 |
490.87 |
3.853 |
2. เหล็กข้ออ้อย มอก. 24-2559
ขนาด (มม.) |
พื้นที่หน้าตัด (ตร.มม.) |
น้ำหนัก (กก./ม.) |
10 |
78.54 |
0.617 |
12 |
113.10 |
0.888 |
16 |
201.06 |
1.578 |
20 |
314.16 |
2.466 |
25 |
490.87 |
3.853 |
28 |
615.75 |
4.834 |
32 |
804.25 |
6.313 |
หมายเหตุ: น้ำหนักต่อเมตรนี้เป็นค่าโดยประมาณตาม มอก. ใช้สำหรับชั่งน้ำหนักเหล็กจริงและเทียบกับจำนวนเมตร เพื่อป้องกันการโดนลดสเปก
ตามมาตรฐาน มอก. 20-2559 (สำหรับเหล็กเส้นกลม) และ มอก. 24-2559 (สำหรับเหล็กข้ออ้อย) จะมีการกำหนด “ค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้” เอาไว้ทั้งด้านขนาดและน้ำหนัก เพื่อควบคุมคุณภาพเหล็กให้ปลอดภัยในการใช้งาน ดังนี้ :
1. ค่าความคลาดเคลื่อนของ “น้ำหนัก” ตามมาตรฐาน มอก.
ประเภทเหล็ก |
ความคลาดเคลื่อนของน้ำหนักที่ยอมรับได้ |
เหล็กเส้นกลม (RB) |
± 6.0 ถึง ± 10.0% ของน้ำหนักมาตรฐานต่อเส้น ขึ้นอยู่กับขนาดของเหล็กเส้น |
เหล็กข้ออ้อย (DB) |
± 4.0 ถึง ± 8.0% ของน้ำหนักมาตรฐานต่อเส้น ขึ้นอยู่กับขนาดของเหล็กเส้น |
หมายความว่า
- ถ้าน้ำหนักจริง “เบากว่า” ที่กำหนดนี้ → ถือว่า ไม่ได้มาตรฐาน
2. ค่าความคลาดเคลื่อนของ “ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง”
- โดยทั่วไปอนุญาตให้มีค่าคลาดเคลื่อนได้ประมาณ ±0.4 มม. (ขึ้นอยู่กับขนาดเหล็ก)
- เช่น เหล็ก 12 มม. → ต้องมีขนาดอยู่ในช่วงประมาณ 11.6 – 12.4 มม.
ถ้าต่ำกว่าค่าคลาดเคลื่อนนี้ ถือว่าเป็นเหล็กไม่ได้มาตรฐาน
ผลกระทบ:
- รับแรงได้น้อยลงกว่าที่วิศวกรคำนวณ
- เสี่ยงต่อโครงสร้างทรุด, ถล่ม, หรือพังกลางอายุการใช้งาน
- หากตรวจสอบแล้วไม่ผ่าน มอก. → อาจไม่สามารถขอใบอนุญาตก่อสร้าง หรือทำประกันภัยอาคารได้
4. ขอใบรับรองคุณภาพเหล็ก (Mill Certificate / Test Certificate)
การขอ Mill Certificate หรือใบรับรองคุณภาพจากโรงงานผู้ผลิตเหล็กเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อยืนยันว่าเหล็กที่จำหน่ายผ่านการทดสอบคุณสมบัติตามมาตรฐาน เช่น
- ค่าความแข็งแรง (Yield Strength, Tensile Strength)
- ส่วนผสมทางเคมี (Chemical Composition)
- การผ่านการทดสอบดัดงอและยืดตัว
การมีใบรับรองนี้ เพื่อรับรองว่าเหล็กแต่ละล็อตมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐาน ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ หากมีปัญหาโครงสร้างเกิดขึ้นในอนาคต
5. ซื้อจากผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้ง และมีความน่าเชื่อถือ
การเลือกซื้อเหล็กจากผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานและมีความน่าเชื่อถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการหลีกเลี่ยงการซื้อเหล็กปลอม หรือเหล็กไม่มี มอก. ผู้จำหน่ายที่ดีจะมีเอกสารรับรองสินค้าชัดเจนและสามารถแนะนำเหล็กที่ตรงกับประเภทงาน
ผู้จัดจำหน่ายเหล็กที่น่าเชื่อถือจะมี:
- ใบอนุญาตจำหน่ายเหล็กจากโรงงาน
- ความรู้เรื่องสินค้า และสามารถแนะนำเหล็กให้ตรงกับประเภทงาน
- มีหน้าร้านหรือโกดังที่สามารถตรวจสอบสินค้าได้ก่อนซื้อ
หลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งไม่เป็นทางการ เช่น ผ่านพ่อค้าคนกลางราคาถูกผิดปกติ หรือสื่อออนไลน์ที่ไม่มีข้อมูลผู้ขายชัดเจน
ความเสี่ยงจากการใช้เหล็กปลอมและเหล็กไม่มี มอก.
การใช้เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มี มอก. จะทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อโครงสร้าง เช่น
- โครงสร้างอาจทรุดตัวหรือพังทลายแม้ในสภาพใช้งานปกติ
- รับน้ำหนักไม่ได้ตามที่ออกแบบ ทำให้เกิดรอยร้าวหรือการพังทลาย
- ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบของวิศวกร หรือขออนุญาตก่อสร้างได้
- เสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน และชื่อเสียงของผู้รับเหมา/เจ้าของโครงการ
สรุป
การเลือกเหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก. พร้อมกับใบรับรองคุณภาพ และการตรวจสอบข้อมูลจากผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การลงทุนในเหล็กที่มีคุณภาพสูงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในโครงการก่อสร้างของคุณ
ติดต่อเรา/เช็คราคาเหล็ก
- Facebook : หจก.พรณรงค์ โลหะกิจ
- โทร/แฟกซ์
- 02-287-4097
- 090-456-1183 (มือถือ)
- Email : phornnaronglohakit@hotmail.com
- LINE ID : PNRLOHAKIT
- แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/1ZaZpTCZGdeLgqwVA