เหล็กเส้นเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความสำคัญอย่างมากในการก่อสร้างโครงสร้างต่างๆ เช่น อาคาร สะพาน และโครงการก่อสร้างอื่นๆ นอกจากนี้ เหล็กเส้นยังมีการนำมาใช้ในงานตกแต่งต่างๆ เช่น การสร้างเฟอร์นิเจอร์ และงานประดิษฐ์อื่นๆ ด้วย
เหล็กเส้นมีหลายประเภทและขนาดต่างๆ ซึ่งมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้เหล็กเส้นที่เหมาะสมกับโครงการก่อสร้างหรืองานอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่างก่อสร้างและนักออกแบบต้องคำนึงถึง
ในบทความนี้ เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเหล็กเส้นคืออะไร และมีกี่ประเภท พร้อมกับลักษณะและการใช้งานของแต่ละประเภทเพื่อเข้าใจถึงความสำคัญและคุณสมบัติของวัสดุนี้อย่างถูกต้อง
หัวข้อ
เหล็กเส้น (Steel Bar) คืออะไร?
เหล็กเส้น หรือ Steel Bar หมายถึงเหล็กที่มีการปรับรูปร่างบนผิวเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและการยึดเหนี่ยวกับคอนกรีต เหล็กเส้นมักจะมีรอยขอบที่แตกต่างจากเหล็กเส้นปกติ เหล็กเส้นมักใช้ในงานก่อสร้างเป็นส่วนสำคัญ เช่น ในการสร้างโครงสร้างอาคาร สะพาน หรือโครงสร้างอื่นๆ
ประเภทของเหล็กเส้น
ประเภทของเหล็กเส้น โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
- เหล็กเส้นปกติ (Plain Bars) : เหล็กที่ไม่มีรูปแบบหรือรอยขอบของผิว เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการความยึดเหนี่ยวสูงมาก
- เหล็กเส้นข้ออ้อย (Deformed Bars) : เหล็กที่มีรูปแบบหรือรอยขอบที่แตกต่างจากเหล็กเส้นปกติ เพื่อเพิ่มความยึดเหนี่ยวกับคอนกรีตและความแข็งแรง
- เหล็กเส้นโครง (Ribbed Bars) : เหล็กที่มีรูปแบบของขอบผิวเป็นลูกโครง มักใช้ในงานที่ต้องการความยึดเหนี่ยวสูง อย่างเช่น การก่อสร้างสะพานและโครงสร้างที่มีน้ำหนักเหนือปกติ
มาตรฐานของเหล็กเส้น
มาตรฐานของเหล็กเส้นมีหลายแห่งและสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มตามประเภทของงานก่อสร้างและการใช้งานต่างๆ ดังนี้
- ASTM A615 / A615M : มาตรฐานสำหรับเหล็กเส้นเกรด 40 (300) และ 60 (420) ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในงานสร้างต่าง ๆ เช่น โครงสร้างอาคาร สะพาน และโครงสร้างทางรางไฟ
- ASTM A706 / A706M : มาตรฐานสำหรับเหล็กเส้นที่มีความแข็งแรงสูงและมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้ในงานสร้างที่ต้องการความสามารถในการยืดหยุ่น เช่น ส่วนประกอบของโครงสร้างที่มีการแสดงอย่างชัดเจน
- BS 4449 : มาตรฐานของสหราชอาณาจักรสำหรับเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้าง แบ่งเป็นเกรด 250 และ 460 ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในโครงสร้างต่างๆ
- DIN 488 : มาตรฐานของเยอรมนีสำหรับเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้าง สามารถแบ่งเป็นหลายเกรดตามความแข็งแรงและความยืดหยุ่น
- JIS G 3112 : มาตรฐานของญี่ปุ่นสำหรับเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้าง มีหลายเกรดเช่น SD295A, SD295B, SD390, SD490 และอื่นๆ ที่ใช้ตามความต้องการของงาน
มาตรฐานเหล่านี้จะระบุข้อกำหนดเช่น คุณสมบัติของเหล็ก เช่น ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น การทนทานต่อแรงดัน และอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับการใช้งานในโครงการต่าง ๆ ควรตรวจสอบมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับงานและคำแนะนำจากผู้ผลิตเหล็กเส้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในงานก่อสร้างของคุณ
วิธีการเลือกเหล็กเส้น
การเลือกเหล็กเส้นเพื่อใช้ในงานก่อสร้างนั้นมีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต่อไปนี้คือวิธีเลือกเหล็กเส้นที่สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น:
- ความต้องการของโครงการ : หากโครงการมีความต้องการเฉพาะ เช่น การรองรับน้ำหนักหรือการทนทานต่อแรงกระแทก ควรเลือกเหล็กเส้นที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับโครงการนั้นๆ
- มาตรฐาน : ควรตรวจสอบมาตรฐานของเหล็กเส้นที่ต้องการใช้ ให้แน่ใจว่ามีคุณภาพและเป็นไปตามข้อกำหนดของโครงการ
- เกรดของเหล็กเส้น : มีหลายเกรดของเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ASTM A615 Grade 60, BS 4449 Grade 500, JIS G 3112 SD390 และอื่นๆ ควรเลือกเกรดที่เหมาะสมกับความต้องการของโครงการ
- ความแข็งแรง : สำหรับโครงการที่ต้องการเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง ควรเลือกเหล็กเส้นที่มีเกรดและคุณภาพที่ดีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการใช้งาน
- สภาพแวดล้อม : หากโครงการต้องใช้เหล็กในสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นกระแสไฟฟ้าสูง หรือสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ควรเลือกเหล็กเส้นที่มีการควบคุมคุณภาพเพื่อป้องกันการสึกหรอและการเสื่อมสภาพ
- การตรวจสอบคุณภาพ : ควรตรวจสอบคุณภาพของเหล็กเส้นโดยการตรวจสอบเอกสารมาตรฐาน การตรวจสอบบักจากการผลิต และการทดสอบคุณสมบัติเชิงกล
- ราคา : การเลือกเหล็กเส้นยังต้องพิจารณาด้านราคาให้เหมาะสมกับงบประมาณของโครงการ
การพิจารณาและเลือกเหล็กเส้นที่เหมาะสมสำหรับโครงการของคุณจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการใช้งานในระยะยาว
ติดต่อเรา
- Facebook : หจก.พรณรงค์ โลหะกิจ
- โทร/แฟกซ์
- 02-287-4097
- 090-456-1183 (มือถือ)
- Email : phornnaronglohakit@hotmail.com
- LINE ID : PNRLOHAKIT
- แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/1ZaZpTCZGdeLgqwVA